13. ดื่มสำหรับเด็กๆ

หากจะกล่าวว่าเด็กที่เกิดมาในปัจจุบันนั้นต้องเผชิญสภาวะแวดล้อมที่เสื่อมสภาพลงทุกวันก็คงจะไม่ผิดไปจากความจริงเท่าใดนัก มลภาวะที่เป็นพิษทั้งจากน้ำและอากาศ สารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหาร คุณค่าทางโภชนาการที่ต่ำลง ความเครียดที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคนยุคก่อน ผู้เขียนจึงรู้สึกเป็นห่วงอนาคตของเด็กที่เกิดมาในยุคปัจจุบันมากขึ้น

ในประเทศญี่ปุ่นปัญหาความรุนแรงในเด็กที่เรียกว่า “คิเระรึ 2“ ของเด็กกลายเป็นปัญหาสังคมของญี่ปุ่น ซึ่งผลจากการวิจัยพบว่าส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากสภาพครอบครัวของเด็ก วิถีการดำรงชีวิต และวิธีการรับประทานอาหาร รวมถึงการรับสารอาหารต่างๆ ด้วย

นอกจากนี้ โรคอุณหภูมิร่างกายต่ำ (ประมาณ 20–30 องศา) ในเด็กจะส่งผลทำให้กระบวนการเผาผลาญอาหารของร่างกายลดลง ร่างกายจึงไม่สามารถดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายออกมาให้ได้ดีเท่าที่ควร

ในน้ำลูกยอนั้นจะมีสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ร่างกายไม่สามารถดึงออกมาจากอาหารได้ สารในน้ำลูกยอจะช่วยให้อุณหภูมิในร่างกายของเด็กกลับสู่สภาวะปกติ และช่วยกระตุ้นให้กระบวนการเผาผลาญอาหารของร่างกายทำงานปกติ

ยิ่งกว่านั้น การทำงานของสารเซโรโทนิน และฮอร์โมนเมลาโทนินจะช่วยให้สภาพจิตใจของเด็กๆ มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น

เด็กควรดื่มน้ำลูกยอในเวลาเช้า–เย็น ในปริมาณครั้งละ 15–30 ml ปริมาณที่ดื่มเท่ากับครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ (อย่างไรก็ตามแม้ว่าเด็กจะดื่มน้ำลูกยอในปริมาณเดียวกันกับผู้ใหญ่ก็ไม่เกิดผลข้างเคียงแต่อย่างใด)

เด็กญี่ปุ่นที่มีความอดทนอดกลั้นต่ำ ระเบิดอารมณ์โมโหง่าย พูดตะคอก มีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง นอนไม่ค่อยหลับ มีเพื่อนน้อย เหงา และไม่ค่อยมีความสุขในชีวิต มักพบในเด็กมัธยมต้นและมัธยมปลาย เชื่อว่ามีสาเหตุจากอาหารและสภาพแวดล้อมวัยเด็ก

14. ดื่มเพื่อป้องกันระบบภายในเกี่ยวกับสตรี

น้ำลูกยอจะมีส่วนช่วยในการปรับระดับฮอร์โมนให้สมดุล ดังนั้นจึงช่วยปรับอาการโรคเกี่ยวกับสตรีได้ เช่น ประจำเดือนไม่ปกติ วัยทอง เป็นต้น นอกจากนี้ สารในน้ำลูกยอจะช่วยบรรเทาอาการปวดและจะช่วยปรับฮอร์โมนให้สมดุล ในกรณีที่มีอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง  ด้วยเช่นกัน

กรณีที่ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือมีอาการวัยทอง ควรดื่มน้ำลูกยอในขณะที่ท้องว่าง เวลาเช้า–เย็นในปริมาณครั้งละ 50–100 ml หากมีอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรงควรดื่มในปริมาณครั้งละ 100–200 ml